วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2552

ALS (ไขสันหลังฝ่อ)

ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่าผมได้รับเรื่องนี้จากการ Forward mail จากคนรู้จัก พออ่านจบก็รู้สึกเห็นใจ คนที่ประสบชะตากรรมอย่างนี้เป้นอย่างมาก จึงได้นำเรื่องราวที่ได้อ่านนี้ Post ขึ้นที่บล็อคของผม ให้ทุกท่านได้อ่าน (ผมมิได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น)
และหากมีวิธีไหนที่พอจะช่วยเหลือคุณต้นได้ ผมขอความกรุณาเถอะนะครับ เพื่อเป็นการช่วยเหลือความรักอันยิ่งใหญ่ที่ "ลูกมีต่อแม่" นับแต่บรรทัดข้างล่างนี้ เป็นเรื่องที่ผมได้รับจาก email นะครับ
>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<

ต้น มีเรื่องอยากรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนช่วยอ่านหน่อยค่ะ..

เคยได้ยินใช่มั้ยว่าไม่มีใครรักเราเท่ากับพ่อและแม่..

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ต้นกำลังประสบอยู่ ต้นอยากเล่าเรื่องของแม่ต้นให้ทุกๆคนได้รับรู้ แม่ของต้นเป็นผู้ให้สำหรับต้นเสมอมาแม่ทำงานหนัก เพื่อให้ครอบครัวสบาย แม่ต้นเปิดร้านขายของ ขายทุกอย่างและก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว ไม่ว่าจะตวงข้าวสารทีละหลายกระสอบ แบกน้ำไปส่งลูกค้า ไม่เคยกินข้าวเป็นเวลา นอนดึกตื่นเช้าทุกวัน แต่แม่ไม่เคยบ่นไม่เคยพูดคำว่าเหนื่อยออกมาให้ได้ยิน แม่สงสารทุกคนที่เดือดร้อน แม่มีแม่ก็ให้ บางครั้งก็โดนโกง แต่เท่าที่ต้นจำความได้จนทุกวันนี้ต้นยังไม่เคยเห็นแม่ว่าหรือโกรธใครเลยจริงๆนะ แม่ทำจนวันนี้วันที่มันพอจะเป็นรูปเป็นร่างแต่แม่กลับไม่ได้อยู่ชื่นชมมัน..

เพราะตอนนี้...

แม่ต้นป่วยเป็นโรค ALS (ไขสันหลังฝ่อ) เป็นมา 5 ปีแล้วค่ะ ..

อาการในตอนนี้แม่เป็นในระดับที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไม่สามารถหายใจเองได้.. หมอบอกว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาหาย..

อาการของคนไข้จะเริ่มลามขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของแม่ต้นเริ่มมาจากอาการแขนขาอ่อนแรง และตอนนี้มันลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจฝ่อไม่สามารถหายใจเองได้..

ตลอดเวลา 8 เดือนที่แสนจะโหดร้ายของครอบครัวเรา เราอยู่กันได้ด้วยกำลังใจจริงๆ

เริ่มต้นอาการตอนแม่เข้าโรงพยาบาล
แม่เริ่มมีอาการหนักขึ้นเมื่อเดือนเมษาปี 51 อาการตอนที่ไปอยู่โรงพยาบาลแม่ไม่รู้สึกตัว เนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายสูง คนไข้ไม่สามารถหายใจเอามันออกมาได้ แพทย์ต้องใส่ท่อหายใจทางปาก ..

แม่พยายามฝืนที่จะหายใจเอง แม่น้ำตาไหล ทั้งที่ยังหลับตา ซึ่งต้นรับรู้ได้ว่าแม่ไม่อยากใส่ท่อช่วยหายใจ ตอนนั้นทั้งต้นและพ่อ กลั้นน้ำตากันไว้ไม่ไหวได้แต่ทำใจและยินยอมให้หมอใส่..

แม่ย้ายขึ้นมาอยู่บนตึกอัษฎางค์ ชั้น 10 โรงพยาบาลศิริราช อยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก หลังจากนั้นประมานเดือนกว่าหมอต้องเลือกวิธีเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งมันจะติดเชื้อยากกว่าใส่ท่อทางปาก..

บ่อยครั้งที่แม่มีอาการเหนื่อย เหงื่อออกท่วมตัว กระสับกระส่ายเหมือนคนจะขาดใจ เมื่อเวลาที่หลอดลมตีบลง ต้องใช้การพ่นยาช่วย พวกเราต้องทนดูกับภาพนั้นด้วยความสงสารแม่จับใจ ..แต่ก็ทำอะไรไม่ได้..

หมอบอกเราว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาหายได้ ญาติคนไข้ต้องทำใจไว้บ้าง เพราะเมื่อมันลามไปที่หลอดลมแม่ก็คงต้องจากเราไป.......

ปัจจุบันนี้แม่ได้ย้ายโรงพยาบาลมาอยู่ใกล้บ้าน(โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต) เนื่องจากหมอที่ศิริราชบอกว่าน่าจะไปอยู่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านจะได้ไปดูแลง่ายขึ้น คนดูแลจะได้ไม่ทรุดตามไปด้วย และทางหมอก็ไม่มีทางที่จะรักษาโรคนี้ได้แค่ทำให้มันทรงตัวได้นานที่สุด เราจึงตัดสินใจย้ายแม่มา..

อาการของแม่ตอนนี้คือ ไม่สามารถหายใจเองได้ต้องหายใจโดยใช้เครื่องช่วย ต้องดูดเสมหะตลอดเพราะไม่มีแรงเอามันออกมา (ดูดโดยใช้สาย suction ใส่ลงไปในท่อที่คอ อาการเหมือนเวลาเราเอานิ้วล้วงคอ แต่สายอันนั้นจะแหย่ไปลึกกว่านั้นเพื่อเอาเสมหะออกมา)ให้อาหารทางสายยางเนื่องจากกลืนเองไม่ได้ นอนแต่ที่โรงพยาบาลไม่ได้ขยับไปไหนมา 8 เดือน ..

แต่แม่รู้สึกตัวดีทุกอย่าง ร่างกายภายนอกแข็งแรง เราจะเฝ้าแม่ได้แค่เวลา 9.00-21.00 นอกเหนือจากนั้นแม่ต้องอยู่คนเดียวในห้องรวมเพราะต้องใกล้ชิดหมอ ทุกวันนี้เราทำได้ดีที่สุดแค่ดูแลแม่แทนพยาบาลทำให้ท่านทุกอย่าง ทั้งดูดเสมหะ ดูแลเวลาอาบน้ำหรือขับถ่าย ทำแผลคอ ทางโรงพยาบาลอยากให้เราพาคนไข้กลับมาอยู่ที่บ้าน เพื่อสภาพจิตใจที่ดีขึ้น เพราะเขาไม่มีทางรักษา..

แต่ทางเราติดเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่อง ซึ่ง

เครื่องรุ่นที่ใช้อยู่เป็นตัวเล็กที่สุดที่แม่จะสามารถใช้ได้ ราคาอยู่ที่ 500,000 บาท (ราคาเช่า 30,000 บาท/เดือน)

เครื่องทำออกซิเจน (ตัว 8 ลิตร) ราคาไม่ต่ำกว่า 50,000 (เช่าเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท/เดือน)

เครื่องดูดเสมหะ 6,000 บาท และนอกจากนั้นมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ต้องใช้ต่อเดือนอีกหลายหมื่นบาท ในอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องปลอดเชื้อ (สายSuction ,ถุงมือปลอดเชื้อ,อุปกรณ์ทำแผลคอ ของทุกอย่างใช้ครั้งเดียวทิ้ง)

ด้วยเหตุผลดังกล่าวต้นกับพ่อ เราไม่สามารถมีเงินเพียงพอที่จะพาแม่กลับบ้านได้(ทุกวันนี้เราใช้เบิกจ่ายตรงเนื่องจากพ่อเป็นข้าราชการ) แต่ด้วยทางโรงพยาบาลต้องการให้ทางเรากลับไปบ้านเพราะอยู่มานานแล้ว อาจติดเชื้อ และคนไข้น่าจะมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้

ต้นไม่รู้จะทำวิธีไหนจริงๆค่ะ สงสารแม่มาก แม่อยากกลับบ้าน ทุกครั้งที่แม่ร้องไห้ ความรู้สึกของต้นกับพ่อก็ไม่ต่างกับแม่เลย เราได้แต่บอกให้แม่เข้มแข็ง อดทนต่อสู้กับมัน รออีกหน่อยนะจะพาแม่กลับบ้านให้ได้ แต่เราก็หมดหนทางจิงๆ คิดถึงแม่ตลอด ไปเผ้าแม่ทุกวันเพื่อให้แม่มีกำลังใจสู้ต่อไป อย่างน้อยก็อยากให้แม่ได้มีโอกาสกลับบ้านมาอยู่ด้วยกันแค่สักครั้งก็ยังดี (แม่เป็นคนดีที่สุดจริงๆ แม่ทำทุกอย่างเพื่อทุกคนแม้ว่าแม่จะเหนื่อย แต่แม่ไม่เคยบ่น..จนวันนี้..)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะค่ะ .. ต้นอยากขอความช่วยเหลือจากทุกท่านที่มีกำลังคนละเล็กละน้อยที่จะช่วยเราได้ในส่วนของค่าเครื่อง แต่หากท่านใดไม่สามารถจริงๆต้นก็ขอขอบคุณนะค่ะที่ช่วยอ่านและส่งต่อ.. อย่างน้อยต้นก็ได้ทำเพื่อแม่เท่าที่สามารถจะทำได้

ถ้าปาฏิหารย์มีจริง อยากให้แม่ได้กลับมาอยู่กับต้น..รักแม่ที่สุด..


http://www.thonburihospital.com/th/tip_detail.asp?id=22 เวบเกี่ยวกับโรคที่แม่เป็นลองอ่านดูนะค่ะ..

เลขที่บัญชี ของต้นนะค่ะ...

ชื่อบัญชี น.ส. กรวรุณ ไพศาลประสิทธิ์ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา สาขา รังสิต

เลขที่บัญชี 062-9-30077-1



เบอร์โทรศัพท์คุณพ่อ คุณกำธร ไพศาลประสิทธิ์

089-925-7220

เบอร์โทรศัพท์ ต้นค่ะ

082-459-0779

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น