วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แก๊สหุงต้ม แอลพีจี (LPG)


ในช่วงที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็น รมว.พลังงาน ของรัฐบาล "ขิงแก่" ได้ประกาศแผนการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี เริ่มมีผลครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1 ธ.๕.2550

เหตุผลเพื่อให้ราคาเป็นไปตามราคาคลาดโลก และคืนความเป็นธรรมแก่ประชาชนที่ใช้น้ำมันไม่ต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้กับผู้ใช้ก๊าซหุงต้มอีกต่อไป โดยจะเป็นการลอยตัวทั้งในส่วนก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือน และกลุ่มผู้ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์และภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน

ขั้นที่ 1 เริ่มปรับเป็นราคาลองตัวในวันที่ 1 ธ.ค.2550 กระทรวงพลังงานได้ยกเลิกการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มที่เคยชดเชยให้ผู้ใช้อยู่ขณะนั้น กก.ละ 1.20 บาท ส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มที่จำหน่ายในท้องตลาดปรับราคาขึ้น กก.ละ 1.20 บาท จาก กก.ละ 16.81 บาท มาอยู่ที่ กก.ละ 18.01 บาท ส่งผลให้ก๊าซบรรจุถังยอดนิยมในครัวเรือนขนาด 15 กก. ปรับราคาเพิ่มขึ้นจากถังละ 260-270 บาท เป็น 280-300 บาท ตามยี่ห้อและระยะทางขนส่ง

ขั้นที่ 2 เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.2551 เป็นแผนการปล่อยราคากึ่งลอยตัวค่อยๆ ขึ้นราคาก๊าซเพิ่มขึ้นเป็นขั้นๆ ตั้งแต่ขั้นที่ 2-5 จะนำราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกมาคำนวณกับราคาในประเทศไทย ที่ถูกกำหนดไว้ที่หน้าโรงกลั่นน้ำมันไม่เกิน 320 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ตามขั้นที่ 2 กำหนดให้นำราคาตลาดโลกมาอ้างอิงเพื่อเป็นฐานคำนวณ 5%
ในเดือน ม.ค.2551 หลังใช้ฐานการคำนวณราคาหน้าโรงกลั่น 95%+ ราคาตลาดโลก 5% ราคาก๊าซหุงต้มปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.2550 อีก 0.20 บาท ส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มเดือน ม.ค.2551 อยู่ที่ กก.ละ 18.21 บาท จากนั้นในเดือน ก.พ.2551 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้ราคาก๊าซปรับมาอยู่ที่ กก.ละ 18.13 บาท

ขั้นที่ 3 เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.2551 จะใช้ราคาตลาดโลกมาเป็นฐานอ้างอิงในการคำนวณ 10% แต่ได้ถูกระงับไปในเดือน เม.ย.-มิ.ย. ราคาก๊าซหุงต้มจึงยืนอยู่ที่ระดับ กก.ละ 18.13 บาท มาตลอดจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะนำบันไดขั้นที่ 3 ที่นำราคาตลาดโลกมาคำนวณ 10% มาใช้ในเดือน ก.ค. นี้สำหรับภาคขนส่งและอุตสาหกรรมส่วนภาคครัวเรือนยังอุดหนุนในราคาเดิม

ขั้นที่ 4 เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.2551 จะใช้ราคาตลาดโลกมาอ้างอิงราคาในการคำนวนที่ 20%

ขั้นที่ 5 เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.2551 จะใช้ราคาตลาดโลกมาอ้างอิงราคาในการคำนวณที่ 30%

ขั้นที่ 6 เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.2552 เป็นต้นไป จะใช้ราคาตลาดโลกมาอ้างอิงราคาในการคำนวณที่ 40%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น